ไลฟ์โค้ชดัง

ชวนคิด! ไลฟ์โค้ชดังมองอีกมุม หรือแท้จริงแล้วทุกคนคือเหยื่อของ “บอสพอล”

ในวันที่เหตุการณ์อื้อฉาวเกี่ยวกับ “บอสพอล” และขบวนการที่ถูกเรียกว่า “ดิไอคอน” ได้รับความสนใจจากสังคม ไลฟ์โค้ชดังอย่าง Anit Osthanugrah ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นที่สะท้อนมุมมองที่ชวนให้คิดตามว่า หรือแท้จริงแล้ว เหยื่อของเรื่องนี้ไม่ใช่เพียงแค่คนทั่วไป แต่ทุกคนอาจเป็นส่วนหนึ่งในแผนการที่บอสพอลวางไว้มาอย่างแยบยล
โพสต์ของ Anit Osthanugrah บนเฟซบุ๊กได้ยกประเด็นสำคัญว่า บอสพอลอาจมีอาการ Antisocial Personality Disorder (ASPD) ซึ่งเกิดจากประสบการณ์ในวัยเด็กที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความยากจน โดยเหตุการณ์หนึ่งที่เล่ากันว่าบอสพอลเคยถูกแม่ค้าด่าต่อหน้าคนทั้งตลาดขณะที่อยากกินส้ม กลายเป็นเหตุการณ์ที่ฝังใจและส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของเขาในระยะยาว ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาตัดสินใจว่า ชีวิตนี้ต้องพ้นจากความยากจน และพัฒนาแผนการชีวิตอย่างไม่เกรงกลัวสังคมใดๆ

มุมมองทางจิตวิทยา: ความเป็นไปได้ของ ASPD

จากข้อมูลต่างๆ Anit Osthanugrah ได้ชี้ให้เห็นถึงลักษณะพฤติกรรมหลายอย่างของบอสพอลที่สอดคล้องกับอาการของ ASPD เช่น
Superficial Charm: บอสพอลมีเสน่ห์ภายนอกที่สามารถทำให้คนหลงใหลและติดใจได้ง่าย แต่ขาดความจริงใจ
Lack of Empathy: เขาแสดงความรู้สึกเพื่อประโยชน์ของตนเอง แต่ไม่เคยแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อผู้อื่นอย่างแท้จริง
Lack of Anxiety or Stress: แม้จะเผชิญสถานการณ์กดดัน เขากลับไม่แสดงความตึงเครียดหรือความกังวลใดๆ
Desire for Control: ความต้องการควบคุมทุกสิ่งอย่างเข้มงวด ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมผู้อื่นด้วยวาจา การกระทำ หรืออารมณ์

ทุกคนเป็นเพียงเบี้ยในกระดาน

Anit Osthanugrah ยังตั้งคำถามว่า แท้จริงแล้วบอสพอลมองทุกอย่างเป็นเกมที่เขาเป็นคนสร้างขึ้นมา เขาควบคุมคนรอบตัวให้กลายเป็นตัวแสดงในเกมชีวิต โดยแต่ละคนไม่รู้เลยว่าเขาคือเบี้ยในกระดานหมากรุกที่ถูกควบคุมโดยบอสพอล ไม่ว่าจะเป็นเหล่าดารา บรรดาบอสต่างๆ หรือบุคคลสำคัญทางการเมือง

การแฉและการจัดการอย่างชาญฉลาด

ในโพสต์ดังกล่าว ยังชี้ให้เห็นว่า การออกมาพูดและแฉข้อมูลบางส่วนของบอสพอลต่อสื่อ โดยเฉพาะในรายการ “โหนกระแส” อาจเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่เขาวางไว้แต่แรก การออกมาแฉชื่อหน่วยงานและบุคคลที่รับสินบนจากเขานั้น อาจไม่ใช่เพื่อปกป้องตัวเอง แต่เพื่อชี้ให้เห็นว่าเขามีหลักฐานและควบคุมข้อมูลทั้งหมดในมือ พร้อมส่งผ่านข้อมูลไปยังเพจดังต่างๆ เพื่อให้เกิดกระแสแฉแบบต่อเนื่อง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงแค่กรณีของการโกงและการทุจริต แต่เป็นการจัดฉากครั้งใหญ่ที่มีคนมากมายเข้ามาเกี่ยวข้อง และในที่สุด เมื่อทุกคนเริ่มเห็นถึงการวางหมากในเกมนี้ อาจจะสายเกินไปที่จะแก้ไขสถานการณ์ได้

การก้าวเดินตามแผน

ในขณะที่ทุกคนต่างตื่นตระหนกเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บอสพอลกลับสามารถนั่งสมาธิอย่างสงบเยือกเย็นในที่คุมขัง เหมือนกับเขาพอใจที่แผนการชีวิตของเขาเดินหน้าตามที่คาดหวัง ทุกคนที่เกี่ยวข้องถูกผลักดันให้เข้าสู่ตำแหน่งที่เขาวางไว้แล้ว
มหากาพย์นี้ยังไม่จบแค่นี้ เราอาจได้เห็นการเปิดเผยที่น่าตื่นเต้นมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป และ “บอสพอล” อาจจะเป็นตัวละครหลักที่ควบคุมทุกอย่างมาตั้งแต่ต้น

ข้อคิดและบทสรุป

เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ให้เราทุกคนหันกลับมามองว่า การมีเสน่ห์ดึงดูดภายนอก ความสามารถในการโน้มน้าวใจผู้อื่น และการควบคุมทุกอย่างในมือ อาจจะมาพร้อมกับจิตใจที่มืดมนและแผนการที่ซับซ้อน สังคมไทยต้องเรียนรู้จากเหตุการณ์นี้ว่า เราควรตั้งคำถามและระมัดระวังในการไว้วางใจผู้ที่ดูเหมือนจะมีเสน่ห์และความสามารถในการพูดชักจูงใจ