เร่งตรวจสอบแรงงานไทยเสียชีวิตในอิสราเอล เผยข้อมูลไปทำงานไม่ผ่านกระทรวง
กระทรวงแรงงานได้ออกมาแสดงความเสียใจต่อกรณีแรงงานไทยที่เสียชีวิตจากเหตุระเบิดในพื้นที่สีแดงของอิสราเอล เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงการสูญเสียของแรงงานไทยหนึ่งรายว่า กระทรวงแรงงานขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและกำลังเร่งตรวจสอบเหตุการณ์อย่างละเอียด เบื้องต้นทราบว่าแรงงานไทยที่เสียชีวิตครั้งนี้ไม่ได้เดินทางไปทำงานผ่านช่องทางของกระทรวงแรงงาน แต่กลับเดินทางไปด้วยตนเอง และถูกส่งไปทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัยตามคำสั่งของนายจ้าง ซึ่งเป็นพื้นที่ปิดทางทหาร (closed military zone) ที่มีความเสี่ยงต่อชีวิต
จากข้อมูลที่ได้รับ การเสียชีวิตของแรงงานไทยวัย 27 ปี ซึ่งเป็นชาวจังหวัดบุรีรัมย์ เกิดจากการขับรถไถในเขตเกษตรกรรมและไปเหยียบกับระเบิดที่ยังตกค้างอยู่ในพื้นที่ทำให้ระเบิดขึ้นจนเสียชีวิต แรงงานรายนี้เคยเดินทางไปทำงานในอิสราเอลอย่างถูกต้องผ่านกระทรวงแรงงานในช่วงสงครามอิสราเอล-ฮามาส ปี 2566 โดยได้รับเงินสงเคราะห์จากกองทุนช่วยเหลือผู้เดินทางไปทำงานต่างประเทศ 15,000 บาท เมื่อเดินทางกลับไทย แต่หลังจากเหตุการณ์สงบแรงงานดังกล่าวได้ตัดสินใจเดินทางกลับไปทำงานในอิสราเอลด้วยตนเองโดยไม่ผ่านกระทรวงแรงงาน และเลือกทำงานในพื้นที่สีแดงตามนายจ้างสั่งเพื่อรับค่าแรงที่สูงกว่าการทำงานในพื้นที่ทั่วไป
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้ออกแถลงการณ์เตือนคนไทยในอิสราเอลให้ระมัดระวังตัวและหากยังคงทำงานอยู่ในพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะในเขตปิดทางทหารที่ถูกระบุว่าเป็นพื้นที่ห้ามพักอาศัยหรือทำงาน โดยมี 11 แห่งที่ถูกประกาศเป็นเขตปิดทางทหาร ซึ่งอยู่ใกล้กับชายแดนเลบานอน ได้แก่ เมืองเมตูลา, มิซกาฟ อัม, คฟาร์ กิลอาดี และอื่น ๆ โดยสถานทูตฯ ได้แจ้งให้แรงงานไทยในพื้นที่ดังกล่าวสามารถติดต่อสถานทูตเพื่อขอรับความช่วยเหลือในการย้ายออกจากพื้นที่ทันที เนื่องจากสถานการณ์สงครามที่ยืดเยื้อในพื้นที่ติดชายแดนยังไม่สงบและมีความเสี่ยงที่สูงขึ้นจากการโจมตีด้วยจรวดและวัตถุระเบิดตกค้าง
นายพิพัฒน์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงแรงงานได้สั่งการให้ทูตแรงงานไทยในอิสราเอลเร่งดำเนินการตรวจสอบและประสานงานกับทางการอิสราเอลเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับการทำงานของแรงงานไทยในพื้นที่เสี่ยง โดยเน้นย้ำให้พิจารณาความปลอดภัยเป็นหลัก พร้อมกับย้ำเตือนแรงงานไทยในอิสราเอลให้ปฏิบัติตามขั้นตอนการเดินทางไปทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายผ่านกระทรวงแรงงานเพื่อความปลอดภัยและสิทธิประโยชน์ที่ควรได้รับ
กรณีการเสียชีวิตของแรงงานไทยในครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่เตือนให้เห็นถึงความเสี่ยงในการทำงานในพื้นที่ที่มีความไม่ปลอดภัยและการเดินทางไปทำงานต่างประเทศโดยไม่ผ่านการจัดการของกระทรวงแรงงาน นอกจากการทำงานในพื้นที่สีแดงจะมีความเสี่ยงสูงต่อชีวิตแล้ว ยังทำให้แรงงานสูญเสียสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่พึงได้รับจากรัฐบาลไทย อาทิ ความช่วยเหลือทางการเงิน สิทธิประโยชน์จากกองทุน และการคุ้มครองด้านกฎหมาย
กระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงขอเตือนแรงงานไทยที่ต้องการเดินทางไปทำงานต่างประเทศให้ตระหนักถึงความสำคัญของการทำงานผ่านหน่วยงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยเฉพาะในประเทศที่มีความเสี่ยงต่อสงครามหรือความไม่สงบ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและการทำงานอย่างยั่งยืน