บอย ปกรณ์ ชี้แจงดราม่า The iCon กลางโหนกระแส
บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ นักแสดงชายชื่อดัง ได้เปิดใจครั้งสำคัญในรายการโหนกระแสที่มี หนุ่ม กรรชัย เป็นพิธีกร หลังจากที่มีดราม่าและกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงบทบาทของเขาในการทำงานร่วมกับ The iCon บริษัทขายตรงที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักจากผู้เสียหายจำนวนมาก
จุดเริ่มต้น
บอยเล่าว่า เขาเริ่มต้นทำงานกับ TheIcon เมื่อปี 2563 โดยได้รับการติดต่อจาก “บอสพอล” ซึ่งเป็นผู้บริหาร บอยย้ำว่าเขาถูกชักชวนให้มารับหน้าที่เป็น พรีเซนเตอร์ ของผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ดังกล่าว ซึ่งการทำงานของเขาประกอบไปด้วยการถ่ายโฆษณาภาพนิ่ง, ถ่ายวิดีโอโปรโมตสินค้า, และการร่วมงานอีเวนต์ต่างๆ ของบริษัท เขายืนยันหนักแน่นว่า เขาไม่เคยมีส่วนร่วมในโมเดลธุรกิจของบริษัทเลย และไม่ได้มีส่วนในการชักชวนใครให้เข้ามาร่วมธุรกิจด้วย
การปรากฏตัวบนเวที
บอยยังได้อธิบายถึงการปรากฏตัวบนเวที ซึ่งถูกเผยแพร่ออกมาเป็นคลิปวิดีโอที่มีผู้คนตั้งคำถามถึงบทบาทของเขาในฐานะ “บอส” หรือผู้บริหารของบริษัท เขายืนยันว่า คลิปนั้นเป็นการแสดงที่เขาถูกบรีฟ โดยทีมงานของบริษัท TheiConเพื่อให้พูดตามสคริปต์และเป็นการให้กำลังใจแก่ตัวแทนจำหน่ายที่เข้าร่วมงาน
ความรู้สึกต่อผลกระทบ
หลังจากที่ดราม่าเริ่มทวีความรุนแรงและมีผู้เสียหายออกมาร้องเรียนมากขึ้น บอยยอมรับว่าเขารู้สึกผิดและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยกล่าวว่าเขารู้สึก โง่และผิดหวังในตัวเอง ที่ไม่ได้สืบหาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนที่จะรับงานนี้ บอยเผยว่าเขาไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวกับข้อร้องเรียนหรือปัญหาที่เกี่ยวข้องกับบริษัท
การยุติสัญญา
เพื่อแสดงความรับผิดชอบ บอยได้ประกาศว่า เขาได้ยุติสัญญาเรียบร้อยแล้ว โดยได้ทำการคืนเงินค่าตัวที่ได้รับจากการเป็นพรีเซนเตอร์ของบริษัททั้งหมด เขายืนยันว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเพียงทำงานในฐานะพรีเซนเตอร์เท่านั้น และไม่มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการหรือทำการตลาดของบริษัทแต่อย่างใด
ยืนยันว่าไม่ใช่ผู้บริหาร
บอย ยืนยันอย่างชัดเจนว่า เขาไม่ใช่ผู้บริหารหรือบอส และไม่เคยมีบทบาทในด้านการชักชวนคนเข้าร่วมธุรกิจใดๆ ทั้งสิ้น โดยกล่าวเพิ่มเติมว่าบทบาทของเขาจบลงเมื่อเขาทำหน้าที่เป็นพรีเซนเตอร์ตามข้อตกลงในสัญญาแล้วเท่านั้น
ผลกระทบทางสังคม
เรื่องราวของบอย กับ The iCon ได้กลายเป็นกระแสใหญ่ในสังคม โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดีย มีผู้คนจำนวนมากที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงบทบาทของเขาในฐานะพรีเซนเตอร์ ในขณะเดียวกันก็มีผู้ที่เห็นใจบอยและมองว่าเขาเองเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับผลกระทบจากบริษัทเช่นกัน เนื่องจากถูกชักจูงให้ทำงานโดยไม่รู้ถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น