ทักษิณ ชินวัตร

‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ชู ‘อุดรธานี’ เป็นเมืองหลวงผู้รักประชาธิปไตย สวนกลับ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ มีแต่เผด็จการเท่านั้นที่กลัวแพ้

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ที่จังหวัดอุดรธานี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของนายศณิศร ขุริรัง ผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี พรรคประชาชน ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นสำคัญในการหาเสียงครั้งนี้ โดยชูว่าอุดรธานีคือเมืองหลวงของผู้รักประชาธิปไตย โดยกล่าวว่าแม้จะมีประชากรจากอุดรฯ ที่ไปทำงานต่างประเทศในเกาหลีใต้ ไต้หวัน และอิสราเอลเป็นจำนวนมาก แต่ชาวอุดรฯ ก็ยังมีสถิติการออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งถึงร้อยละ 50 ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูง
นายพิธายังกล่าวถึงผลการเลือกตั้ง สส. ปี 2566 ที่ผ่านมา ว่าพรรคเพื่อไทยได้รับคะแนนเสียงกว่า 300,000 คะแนน ขณะที่พรรคก้าวไกลได้อันดับที่สองด้วยคะแนน 200,000 กว่าคะแนน และพรรคไทยสร้างไทยที่ได้ 100,000 กว่าคะแนน ซึ่งเป็นตัวชี้วัดว่าคะแนนเสียงของฝ่ายค้านหากรวมกันแล้วก็สามารถเอาชนะพรรคเพื่อไทยได้ ซึ่งยืนยันได้ว่า อุดรธานีคือเมืองหลวงของประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

‘พิธา’ สวนกลับ ‘ทักษิณ’ เรื่องความกลัวแพ้

เมื่อถูกถามถึงข้อกล่าวหาจากนายทักษิณ ชินวัตร ที่กล่าวหาว่ามีการกลัวแพ้ในการเลือกตั้ง พิธาตอบโต้ว่า “มีแต่เผด็จการเท่านั้นที่กลัวแพ้” โดยชี้ให้เห็นว่าการเมืองไทยในระบบประชาธิปไตยนั้น มีทั้งการชนะและการแพ้เป็นเรื่องปกติ โดยยกตัวอย่างเขตเลือกตั้งที่ 1 ของอุดรธานี ที่พรรคอนาคตใหม่เคยแพ้เมื่อปี 2562 แต่กลับมาชนะได้ในปี 2566 ในนามของพรรคก้าวไกล ซึ่งแสดงถึงความเป็นไปได้และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในระบบประชาธิปไตย “ความสวยงามของประชาธิปไตยอยู่ตรงนี้ คือการที่ประชาชนเป็นผู้ตัดสินในที่สุด” นายพิธากล่าวเพิ่มเติม

ความท้าทายของการเลือกตั้ง อบจ. และการกระตุ้นให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ

นายพิธายังเน้นถึงความสำคัญของการเลือกตั้งท้องถิ่น ที่แตกต่างจากการเลือกตั้งระดับชาติ โดยหวังว่าการเลือกตั้งนายก อบจ. ในครั้งนี้จะมีผู้มาใช้สิทธิมากกว่าร้อยละ 50 ซึ่งเป็นการสร้างความชอบธรรมและเพิ่มโอกาสให้กับพรรคประชาชนในการชนะการเลือกตั้ง
ในส่วนของป้ายหาเสียงที่มีรูปคู่ของนายพิธาและนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พิธาอธิบายว่าเป็นการทำป้ายในช่วงเปลี่ยนผ่านของพรรคก้าวไกล จึงกลายเป็นป้ายหาเสียงแบบลูกครึ่งที่ไม่ได้ทำให้รู้สึกกังวล
“การที่นายทักษิณลงพื้นที่หาเสียงเป็นเพียงสีสันที่เพิ่มความน่าสนใจให้กับการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นการสร้างความตื่นตัวในสังคมประชาธิปไตย” นายพิธากล่าว

มุมมองต่ออนาคตการเมืองไทย

นายพิธาได้กล่าวถึงมุมมองต่ออนาคตของพรรคประชาชนและการเมืองไทย ว่า “พวกเราไม่ได้แข่งขันเพียงแค่การเลือกตั้งครั้งนี้ แต่เรามองไปถึง 2-3 การเลือกตั้งข้างหน้า เป้าหมายของเราคือการพัฒนาบุคคลและองค์กร ซึ่งจะสร้างการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว”
“หากมองว่าเรากำลังแข่งกับตัวเองในอดีต เราจะทำงานโดยไม่มีความกดดัน และทุกการเลือกตั้งจะเป็นโอกาสในการสร้างความเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาประเทศ” พิธากล่าวสรุป

สรุป: ประชาธิปไตยและการเมืองไทยในมุมมองของ ‘พิธา’

การออกมาปราศรัยของนายพิธาในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างความเปลี่ยนแปลงผ่านกระบวนการประชาธิปไตย โดยย้ำถึงความสำคัญของการออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งของประชาชน ทั้งในการเลือกตั้งท้องถิ่นและระดับชาติ พร้อมส่งสารไปยังชาวอุดรธานีว่า “ฮักหลายๆ และหวังว่าจะมีโอกาสพบปะกับชาวอุดรฯ ในวันเลือกตั้งที่ใกล้จะถึงนี้”

บทสรุป

บทความนี้กล่าวถึงการสัมภาษณ์ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงในจังหวัดอุดรธานี โดยเน้นถึงความสำคัญของการใช้สิทธิเลือกตั้งในพื้นที่ ซึ่งนายพิธายกให้ ‘อุดรธานี’ เป็นเมืองหลวงของประชาธิปไตย พร้อมสวนกลับนายทักษิณ ชินวัตรที่มีความกังวลต่อการพ่ายแพ้ทางการเมือง ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการแพ้ชนะที่เป็นเรื่องธรรมดาในระบบประชาธิปไตย