เปิดใจ หนุ่มฝ่ามือพิฆาต ตบทนายธรรมราชร่วง พูดแล้วสาเหตุอะไร ที่ทำให้แค้นขนาดนี้
เหตุการณ์ชุลมุนที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) กลายเป็นที่พูดถึงอย่างมากเมื่อชายหนุ่มปริศนาได้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายทนายธรรมราช สาระปัญญา ผู้เป็นที่รู้จักในแวดวงกฎหมาย โดยมีการตบหน้าทนายธรรมราชต่อหน้าสื่อมวลชนจนล้มลงไปกองกับพื้น สร้างความแตกตื่นแก่ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์
จากการสอบปากคำผู้ก่อเหตุ นายจารุเวศ วัย 28 ปี ยอมรับสารภาพว่าเขาเป็นคนลงมือทำร้ายทนายธรรมราชเพียงคนเดียว โดยไม่มีเพื่อนอีกสองคนร่วมด้วยแต่อย่างใด สาเหตุที่ทำให้เขาลงมือเพราะก่อนหน้านี้เขาได้เห็นโพสต์ของทนายธรรมราชที่เกี่ยวข้องกับการพาดพิงเรื่องศาสนา เนื่องจากภรรยาของเขาเป็นชาวมุสลิม เขาจึงเกิดความไม่พอใจและตั้งใจมาสอบถามถึงความจริงในวันนี้ แต่เมื่อทนายธรรมราชไม่ตอบคำถาม เขาจึงเกิดความโมโหและตัดสินใจใช้ความรุนแรง
หลังจากเกิดเหตุ ทนายธรรมราชได้ให้สัมภาษณ์ว่าเขารู้สึกแปลกใจกับพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุ และกล่าวว่าเหตุการณ์นี้ยังต้องสืบสวนต่อไปว่าเบื้องหลังมีใครเป็นผู้ว่าจ้างหรือไม่ ทนายธรรมราชยังได้กล่าวถึงประสบการณ์การถูกลอบทำร้ายก่อนหน้านี้ว่า “เรื่องพวกนี้มันไม่แมน หน้าตัวเมียอาศัยตอนเผลอ” เขายังเปิดเผยอีกว่าจะเพิ่มมาตรการป้องกันตัวเอง โดยอาจซื้อปืนเพิ่มไว้เพื่อความปลอดภัย
คำพูดจากอาจารย์เบียร์และแพรรี่
อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม ซึ่งเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีที่ทนายธรรมราชมาแถลงข่าวร้องทุกข์ ได้ออกมายืนยันว่าเขาไม่ได้เป็นผู้ส่งคนมาทำร้ายทนายธรรมราช ขณะเดียวกัน แพรรี่ (ไพรวัลย์ วรรณบุตร) ได้กล่าวแสดงความไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง แม้ในอดีตทนายธรรมราชจะเคยแสดงท่าทีพึงพอใจเมื่อแพรรี่เคยถูกทำร้ายด้วยการกระชากวิก
หนุ่ม กรรชัย กล่าวถึงกรณีนี้
กรณีการทำร้ายร่างกายทนายธรรมราชยังเป็นที่สนใจของพิธีกรชื่อดัง หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ซึ่งเคยมีคดีฟ้องร้องกันมาก่อน โดยหนุ่ม กรรชัย ได้กล่าวในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ว่า เขาไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรง และขอให้คู่กรณีสู้กันในกระบวนการทางกฎหมายเท่านั้น พร้อมทั้งเผยว่าเขามีแผนจะฟ้องร้องทนายธรรมราชเพิ่มเติมในประเด็นที่เกี่ยวกับการหมิ่นประมาท
เขายังกล่าวติดตลกในรายการเกี่ยวกับการโดนหมวย อริสรา กำธรเจริญ ผู้ดำเนินรายการร่วมแซวเรื่องการยิ้มมุมปากว่า “วันนี้เงินเดือนออก ดีใจจะได้เงินไปเที่ยว” ทำให้บรรยากาศในรายการมีความผ่อนคลายขึ้น แต่ยังคงทิ้งท้ายด้วยคำแนะนำให้ใช้กระบวนการยุติธรรมในการแก้ไขข้อขัดแย้ง
บทสรุปของเหตุการณ์
การกระทำของนายจารุเวศที่ใช้ความรุนแรงต่อทนายธรรมราชสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่สะสมมาจากความไม่พอใจเกี่ยวกับเรื่องศาสนา แม้ว่าเรื่องราวจะเกี่ยวข้องกับความเชื่อส่วนบุคคล แต่ในท้ายที่สุด การใช้ความรุนแรงไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ และทุกฝ่ายควรใช้กระบวนการกฎหมายในการจัดการข้อขัดแย้ง เพื่อให้ความยุติธรรมเกิดขึ้นอย่างแท้จริง
สำหรับการดำเนินคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายจารุเวศไปที่ สน.พหลโยธิน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทนายธรรมราชได้เน้นว่าเรื่องนี้จะไม่มีการยอมความ และเขายังคงยืนยันใช้กระบวนการยุติธรรมในการต่อสู้