จีน

ไต้หวันเผย ‘จีน’ ส่งเครื่องบิน 153 ลำซ้อมรบข่มขู่รอบเกาะ มากที่สุดเป็นประวัติการณ์

ในวันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม 2567 กระทรวงกลาโหมไต้หวันเปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจว่า จีนได้ส่งเครื่องบินรบถึง 153 ลำเข้าสู่พื้นที่ใกล้ไต้หวันในการซ้อมรบครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุดที่เคยพบในหนึ่งวัน โดยการซ้อมรบครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณเตือนอย่างหนักจากจีน หลังจากที่ไต้หวันเฉลิมฉลองวันชาติเมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา

การซ้อมรบ ‘Joint Sword-2024B’ สร้างความกังวล

จีนดำเนินการซ้อมรบครั้งนี้ภายใต้ชื่อปฏิบัติการ “Joint Sword-2024B” เพื่อเตือนถึงการกระทำใดๆ ที่มุ่งแบ่งแยกดินแดน รวมถึงการตอบโต้คำปราศรัยของประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ ของไต้หวัน ซึ่งยืนยันว่า ไต้หวันจะตัดสินใจอนาคตของตนเองโดยประชาชนไต้หวันเท่านั้น
เครื่องบินจีน 153 ลำที่ถูกพบได้เข้ามาบริเวณใกล้ไต้หวันและช่องแคบไต้หวัน ซึ่งเป็นพื้นที่อ่อนไหวด้านความมั่นคงระดับภูมิภาค ในจำนวนนี้ มี 28 ลำที่ข้ามเส้นมัธยฐานในช่องแคบไต้หวัน ซึ่งถือเป็นการละเมิดเส้นแบ่งอากาศที่ไม่เป็นทางการระหว่างจีนและไต้หวัน

การเคลื่อนไหวที่คุกคามความมั่นคง

ไม่เพียงแค่อากาศยานเท่านั้น ไต้หวันยังตรวจพบเรือรบ 14 ลำของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน และเรือทางการ 12 ลำ ซึ่งรวมถึงเรือของหน่วยยามฝั่งจีน ทั้งนี้กิจกรรมทางทหารของจีนได้เกิดขึ้นในหลายจุดรอบเกาะ รวมถึงบริเวณตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นที่ตั้งฐานทัพอากาศของไต้หวัน และในทะเลจีนใต้ซึ่งมีหมู่เกาะปราตัสที่ไต้หวันควบคุม

การตอบสนองจากไต้หวันและนานาชาติ

นายกรัฐมนตรีไต้หวัน จั๋ว หรงไท่ แสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ โดยย้ำว่า การซ้อมรบของจีนไม่เพียงส่งผลกระทบต่อไต้หวัน แต่ยังส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพในภูมิภาคเอเชียและเสรีภาพในการเดินเรือของนานาชาติ จึงเป็นเรื่องที่ประเทศอื่นๆ ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งของไต้หวัน ก็ได้ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำของจีน ว่าเป็นการยั่วยุที่ไร้ความรับผิดชอบและเกินกว่าเหตุ พร้อมแสดงความสนับสนุนต่อไต้หวันในฐานะชาติที่ยึดมั่นในประชาธิปไตย

ความท้าทายระหว่างประเทศ

ความตึงเครียดระหว่างไต้หวันและจีนไม่ใช่เรื่องใหม่ จีนได้เพิ่มการซ้อมรบและกดดันทางทหารรอบเกาะไต้หวันมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การซ้อมรบครั้งนี้จึงถือเป็นอีกหนึ่งการยืนยันเจตนารมณ์ของจีนที่ต้องการให้ไต้หวันกลับสู่การปกครองของตน แม้ว่าไต้หวันจะยืนยันว่าเป็นอิสระมาโดยตลอดก็ตาม
อนาคตของความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไต้หวันยังคงไม่แน่นอน และเหตุการณ์ล่าสุดนี้อาจเป็นตัวเร่งให้ความขัดแย้งเพิ่มขึ้นหากทั้งสองฝ่ายไม่หาทางเจรจา