เกาะมายอต

ภาพความเสียหาย ‘เกาะมายอต’ ราบเป็นหน้ากลอง คาดใต้ซากปรักหักพังอาจพบศพนับพัน

วันที่ 18 ธันวาคม 2567 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานสถานการณ์วิกฤตบน เกาะมายอต หลังถูกพายุไซโคลนชิโดพัดขึ้นฝั่งด้วยความเร็วลมสูงถึง 225 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่งผลให้เกิดความเสียหายครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 90 ปี โครงสร้างต่างๆ บนเกาะพังราบเป็นหน้ากลอง ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตอาจพุ่งสูงถึงนับพันรายใต้ซากปรักหักพัง

พายุไซโคลนชิโด: ทำลายโครงสร้างพื้นฐานและชีวิตผู้คน

พายุไซโคลนลูกนี้ไม่เพียงแต่พัดกระหน่ำบ้านเรือนและอาคารที่สร้างจากวัสดุไม่แข็งแรงจนพังถล่ม แต่ยังสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานหลัก ได้แก่:
  • โรงพยาบาลและโรงเรียน: สถานที่สำคัญสำหรับชุมชนได้รับความเสียหายหนัก ทำให้การรักษาพยาบาลและการศึกษาในพื้นที่หยุดชะงัก
  • สนามบิน: หอควบคุมการจราจรทางอากาศเสียหายหนัก ส่งผลกระทบต่อการขนส่งและการอพยพผู้รอดชีวิต
  • ถนนและเสาไฟฟ้า: ระบบคมนาคมและไฟฟ้าถูกทำลาย ทำให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยเต็มไปด้วยอุปสรรค
นอกจากนี้ พายุยังทำให้เกิด คลื่นสูงถึง 8 เมตร ซัดชายฝั่งเกาะมายอต จนผู้คนจำนวนมากสูญเสียที่อยู่อาศัย ขาดอาหารและน้ำดื่ม

ตัวเลขผู้เสียชีวิตอาจสูงถึงหลักพัน

รายงานล่าสุดจากกระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศสระบุว่า มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 11 ราย แต่จำนวนนี้อาจไม่สะท้อนความสูญเสียที่แท้จริง ผู้ว่าการจังหวัดมายอตคาดการณ์ว่า จำนวนผู้เสียชีวิตอาจสูงถึง หลายร้อยหรือหลายพันราย จากประชากรราว 320,000 คน

เสียงสะท้อนจากชาวเกาะ: ‘เหมือนวันสิ้นโลก’

เจ้าของโรงแรมแห่งหนึ่งในเกาะมายอตกล่าวว่า:
  “โรงแรมทั้งหลังพังราบ ไม่มีอะไรเหลือเลย มันเหมือนกับระเบิดปรมาณูถล่มเกาะ”
คำพูดนี้สะท้อนถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี เมื่อผู้คนต้องเผชิญกับความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน

การตอบสนองและภารกิจกู้ภัย

หน่วยกู้ภัยจากฝรั่งเศสเร่งค้นหาผู้รอดชีวิตท่ามกลางซากปรักหักพัง โดยต้องเผชิญกับความท้าทายจากโครงสร้างพื้นฐานที่พังเสียหาย รวมถึงการเข้าถึงพื้นที่ห่างไกล
ความร่วมมือระหว่างประเทศในการส่งความช่วยเหลือและการฟื้นฟูพื้นที่จะมีบทบาทสำคัญต่อการฟื้นตัวของเกาะในระยะยาว

บทเรียนจากพายุไซโคลนชิโด

เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงภัย เช่น เกาะมายอต ที่มีโครงสร้างพื้นฐานเปราะบาง
ความร่วมมือระหว่างประเทศในการส่งความช่วยเหลือและการฟื้นฟูพื้นที่จะมีบทบาทสำคัญต่อการฟื้นตัวของเกาะในระยะยาว

สรุป

เหตุการณ์พายุไซโคลนชิโดบนเกาะมายอตคือโศกนาฏกรรมที่แสดงถึงพลังของธรรมชาติและความเปราะบางของชุมชนในพื้นที่เสี่ยงภัย การกู้ภัยและฟื้นฟูพื้นที่อย่างเร่งด่วนคือภารกิจสำคัญ เพื่อช่วยเหลือชีวิตและสร้างความหวังให้กับผู้ประสบภัย

คำถามถึงผู้อ่าน:

คุณคิดว่าอะไรคือแนวทางที่ดีที่สุดในการป้องกันความสูญเสียจากภัยธรรมชาติในอนาคต? ร่วมแสดงความคิดเห็นด้านล่างได้เลย!