ครม.ปรับเบี้ยคนชรา

ผู้สูงอายุผิดหวัง มติ ครม.ปรับเบี้ยคนชราแบบขั้นบันได ไม่ตรงตามที่หาเสียง

ครม.ปรับเบี้ยคนชรา การตัดสินใจของ ครม. เกี่ยวกับการปรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ทำให้เกิดคำถามและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม ความเท่าเทียม และนโยบายที่ไม่เป็นไปตามสัญญาหาเสียง

มติ ครม. ปรับเบี้ยยังชีพแบบขั้นบันได

คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบปรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันไดตามช่วงอายุ ดังนี้:
  • อายุ 60-69 ปี: จาก 600 บาท เป็น 700 บาท
  • อายุ 70-79 ปี: จาก 700 บาท เป็น 850 บาท
  • อายุ 80-89 ปี: จาก 800 บาท เป็น 1,000 บาท
  • อายุ 90 ปีขึ้นไป: จาก 1,000 บาท เป็น 1,250 บาท
แม้การปรับเพิ่มดังกล่าวจะเป็นการพัฒนาขึ้น แต่กลุ่มผู้สูงอายุและเครือข่ายที่เกี่ยวข้องมองว่า การปรับแบบขั้นบันไดเช่นนี้ ไม่สอดคล้องกับความต้องการที่เรียกร้องให้ปรับเพิ่มแบบ “ถ้วนหน้า” ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำและให้คุณค่าแก่ทุกคนอย่างเท่าเทียม

ความคาดหวังและความผิดหวัง

ป้าอุบล ร่มโพธิ์ทอง ตัวแทนผู้สูงอายุ กล่าวว่า
  “เราเรียกร้องให้เพิ่มเป็น 1,000 บาทถ้วนหน้า ทุกคนมีคุณค่าเท่าเทียมกัน การปรับแบบขั้นบันไดนี้ยิ่งสร้างความเหลื่อมล้ำ ผู้สูงอายุที่มีอายุมากขึ้นน้อยคนที่จะได้ประโยชน์จากการเพิ่มในระดับสูงสุด”
เครือข่ายบำนาญประชาชนยังตั้งคำถามว่า นโยบายนี้สะท้อนถึงความไม่ใส่ใจของผู้มีอำนาจที่ไม่ได้รับฟังเสียงของประชาชนที่เป็นกลุ่มเปราะบาง แม้จะเคยมีข้อเสนอให้เพิ่มเบี้ยยังชีพเป็น 3,000 บาทต่อเดือนถ้วนหน้าตั้งแต่ปี 2563

ผลกระทบต่อสังคมผู้สูงอายุ

การปรับเบี้ยยังชีพแบบขั้นบันไดนี้สร้างความท้าทายต่อผู้สูงอายุหลายกลุ่ม:
  • ผู้สูงอายุที่ไม่มีรายได้เสริม: กลุ่มที่ไม่ได้รับสวัสดิการจากรัฐหรือไม่ได้เป็นสมาชิกประกันสังคมต้องพึ่งพาเบี้ยยังชีพเป็นรายได้หลัก
  • ความเหลื่อมล้ำระหว่างอายุ: อายุ 60 ปีและ 90 ปีล้วนมีคุณค่าในสังคม แต่การปรับเงินตามอายุอาจสร้างความรู้สึกว่าไม่มีความเท่าเทียมกัน
เครือข่ายประชาชนยังตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลสามารถจัดการงบประมาณให้เพียงพอต่อการเพิ่มเบี้ยยังชีพถ้วนหน้าได้ หากมีการจัดสรรงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ

เสียงสะท้อนจากประชาชน

น.ส.อรุณี ศรีโต นักสหภาพแรงงาน กล่าวว่า
  “รัฐบาลหาเสียงว่าจะเพิ่มเป็น 3,000 บาท แต่กลับทำได้เพียงขั้นบันได สิ่งนี้สะท้อนถึงความไม่จริงใจและขาดการฟังเสียงของประชาชน”
ในขณะที่กลุ่มผู้สูงอายุยังคงเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาการปรับเบี้ยยังชีพในรูปแบบที่เป็นธรรมและถ้วนหน้าต่อไป

บทสรุป

การตัดสินใจของ ครม. ครั้งนี้สร้างความผิดหวังแก่กลุ่มผู้สูงอายุอย่างมาก เสียงเรียกร้องยังคงดำเนินต่อไปเพื่อผลักดันการเพิ่มเบี้ยยังชีพในแบบที่ทุกคนได้รับสิทธิเท่าเทียมกัน โดยไม่ขึ้นกับอายุ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุทุกกลุ่ม